ต่อจากบทความที่แล้ว อ้อมได้ออกจากโรงพยาบาลในวันที่ 5 ค่ะ ค่าใช้จ่ายรวมทั้งหมดทั้งค่าคลอด ค่าห้องพักพิเศษรวมแล้วตกอยู่ที่ประมาณ 15,000 บาทค่ะ ยังไม่รวมกับค่าที่ดูแลลูกของเนอสเซอรี่ที่จะต้องจ่ายประมาณ 6,000 บาท แต่เราไม่ต้องเสียส่วนนี้ ถ้าเราเดินเรื่องขอใช้สิทธิบัตรทองให้ลูกจ้า ก็ถือว่ารับได้กับราคานี้ และเป็นราคาที่อ้อมต้องบอกว่า จริงๆ ควรจะถูกกว่านี้ถ้าเราเลือกที่จะอยู่ห้องธรรมดา แต่ค่าใช้จ่ายเหล่านี้จะได้คืนเมื่อเราไปเดินเรื่องกับประกันสังคม ขอใช้สิทธิคลอดบุตร และถ้าเราส่งเงินประกันสังคมเอง เราก็จะมีสิทธิ์เดินเรื่องขอใช้สิทธิ์สงเคราะห์บุตรทันทีอีกต่อนึงด้วย จำนวนเงินที่ได้จากประกันสงคมจะเยอะกว่าเงินที่เราต้องเสียไปกับค่ารักษาพยาบาลค่ะ อันนี้ครอบคลุม สำหรับคุณพ่อ-คุณแม่มือใหม่ที่กังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในโรงพยาบาลหากคุณไม่ได้เข้าโรงพยาบาลเอกชน ถือว่าคุณแทบจะไม่เสียอะไรเลยกับการคลอดบุตร
แต่การที่จะได้สิทธิ์บัตรทองมาให้ลูก ต้องมีการเดินเอกสารเพื่อนำลูกเข้าทะเบียนบ้านให้ได้ก่อน โดยจะมีขั้นตอนดังนี้ค่ะ (การเดินเอกสารเหล่านี้อ้อมอ้างอิงจากที่โรงพยาบาลเชียงใหม่มหาราชนะคะ)
เพียงเท่านี้เราก็จะไม่เสียเงินค่าดูแลบุตรขณะอยู่ที่โรงพยาบาลแล้วค่ะ แต่เพดาลที่เราจะใช้สิทธิ์ได้ อันนี้อ้อมเองก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะว่าเท่าไหร่ คงต้องศึกษาเพิ่มกันนะคะ
โดยปกติเวลาที่จะต้องนอนโรงพยาบาลคือ 2 คืน 3 วัน ดังนั้นคุณพ่อจะต้องรีบทำเรื่องให้เสร็จก่อนที่ลูกและแม่จะออกจากโรงพยาบาลจ้า นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้ในวันที่ 2 และวันที่ 3 ทำไมคุณพ่อไม่อยู่ เพราะต้องวิ่งเอกสารเหล่านี้แหละจ้า สิ่งที่สำคัญคือ เอกสารต้องครบค่ะไม่งั้นวิ่งไปวิ่งมาเหนื่อยเอาเรื่องอยู่เหมือนกันนะคะ
มาถึงตอนนี้อ้อมมีสูติบัตรลูกแล้ว ลูกมีชื่อในทะเบียนบ้านแล้ว ต่อไปก็จะเป็นการยื่นขอใช้สิทธิ์ประกันสังคมกันจ้า
สำหรับบางคนอาจจะต้องอยู่โรงพยาบาลต่อเป็น 4-5 วัน เหมือนอย่างอ้อม หลังจากที่ได้นำลูกเข้าทะเบียนบ้าน และได้สูติบัตรแล้ว เราสามารถจะนำเอกสารไปยื่นที่ประกันสังคมเพื่อขอใช้สิทธิ์การคลอดบุตร และสิทธิ์สงเคราะห์บุตรได้เลยค่ะ งานนี้คุณพ่อต้องออกโรงเดินสายอีกแล้ว
การเดินเรื่องคุณพ่อสามารถทำแทนคุณแม่ได้นะคะ โดยจะต้องมีเอกสารจากทางประกันสังคม 2 อย่าง คือ
เอกสารทั้งสองใบจะได้มาจากสำนักงานประกันสังคมจ้า ไม่แน่ใจว่าในเน็ตฯจะมีให้โหลดและปริ้นออกมาหรือเปล่า ถ้าไม่มีก็ต้องเดินทางไปเอาที่ประกันสังคม แล้วกลับมาให้คุณแม่เซ็นต์ชื่อทั้ง 3 ใบนะคะ เพราะจะมีเอกสารบางอย่างที่ต้องให้บัญชีตรวจสอบก่อนการจ่ายเงินจ้า
หลังจากกรอกเอกสารสิทธิ์ทั้ง 3 ใบเสร็จ ก็ให้คุณพ่อนำไปยื่นที่ประกันสังคมพร้อมเอกสารที่เป็นใบสูติบัตรของลูก จริงๆ เตรียมไปให้หมดเลยก็ได้คะ ทั้งสำเนาบัตร ทั้งของคุณพ่อ-คุณแม่ และสำเนาทะเบียนบ้านที่มีชื่อลูกอยู่
หลังจากที่ยื่นเสร็จเจ้าหน้าที่เขาจะทำเรื่องให้ และเราจะได้เงินเกี่ยวกับการคลอดบุตรในวันนั้นเลย ส่วนเงินสงเคราะห์บุตรถ้ากรณีเราส่งประกันสังคมเองเราก็จะได้ในวันนั้นเช่นเดียวกันจ้า เขาจะรวบยอดให้เลย โดยจะสั่งจ่ายเป็นเช็คให้ค่ะ คนที่เบิกได้คือคุณแม่นะคะ
เพียงเท่านี้เราก็จะได้เงินค่าโรงพยาบาลแล้วจ้า สำหรับใครที่กำลังคิดหนักเรื่องค่ารักษาพยาบาลอยู่ หายห่วงได้เลยค่ะ งานนี้ครอบคลุมแน่นอนจ้า สำหรับระยะเวลาการเดินเอกสารเกี่ยวกับประกันสังคม ถ้าเอกสารครบ เขียนใบยื่นคำร้องไม่ผิด ก็วันเดียวเสร็จจ้า
อ้อมคลอดลูกที่โรงพยาบาลสวนดอก เชียงใหม่จ้า ตอนที่ 2 |
วันที่ 2 และวันที่ 3 คุณพ่อหายไปไหน?
อย่างที่บอกไว้ข้างต้นค่ะ การที่จะได้สิทธิ์เรื่องค่าใช้จ่ายมา เราก็ต้องมีการเดินเอกสารก่อน ในขั้นแรกทางโรงพยาบาลมหาราชเชียงใหม่เขาได้แนะนำว่า ถ้าเราไม่เดินเรื่องขอรับสิทธิ์บัตรทองให้ลูกเราจะมีค่าใช้จ่ายที่อาจจะมากกว่า 6,000 บาทแต่การที่จะได้สิทธิ์บัตรทองมาให้ลูก ต้องมีการเดินเอกสารเพื่อนำลูกเข้าทะเบียนบ้านให้ได้ก่อน โดยจะมีขั้นตอนดังนี้ค่ะ (การเดินเอกสารเหล่านี้อ้อมอ้างอิงจากที่โรงพยาบาลเชียงใหม่มหาราชนะคะ)
แจ้งเรื่องทำสูติบัตรให้ลูก
- 1. ตั้งชื่อให้ลูก
- 2. นำเอกสารของสำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของพ่อกับแม่ และสำเนาทะเบียนบ้านที่จะนำลูกเข้าทะเบียนบ้านไปเดินเรื่องกับทางโรงพยาบาลเพื่อนำเอกสารที่ทางโรงพยาบาลออกให้ไปที่แขวง หรืออำเภอ เพื่อออกเอกสารสูติบัตร
นำลูกเข้าทะเบียนบ้าน
- 1. เมื่อได้สูติบัตรแล้ว ให้นำเจ้าบ้านที่จะนำลูกเข้าทะเบียนบ้านไปที่อำเภอเพื่อแจ้งเรื่องนำคนเข้าทะเบียนบ้าน
- 2. เมื่อเดินเรื่องเสร็จแล้ว ให้นำเอกสารสำเนาทะเบียนบ้านที่มีชื่อลูกอยู่ด้วยไปเดินเรื่องขอใช้สิทธิบัตรทองที่โรงพยาบาล กรณีถ้าเป็นโรงพยาบาลอื่นต้องสอบถามสิทธิ์ และขั้นตอนการดำเนินการให้ดีนะคะ จะได้ไม่เสียสิทธิ์
- 3. หลังจากได้สิทธิ์บัตรทองให้ไปที่ตึกเนอสเซอรี่ที่ลูกนอนอยู่เพื่อนำเอกสารของลูกไปยื่นที่ฝ่ายทะเบียนใหม่โดยระบุขอใช้สิทธิบัตรทองสำหรับเด็กแลกคลอด
เพียงเท่านี้เราก็จะไม่เสียเงินค่าดูแลบุตรขณะอยู่ที่โรงพยาบาลแล้วค่ะ แต่เพดาลที่เราจะใช้สิทธิ์ได้ อันนี้อ้อมเองก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะว่าเท่าไหร่ คงต้องศึกษาเพิ่มกันนะคะ
โดยปกติเวลาที่จะต้องนอนโรงพยาบาลคือ 2 คืน 3 วัน ดังนั้นคุณพ่อจะต้องรีบทำเรื่องให้เสร็จก่อนที่ลูกและแม่จะออกจากโรงพยาบาลจ้า นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้ในวันที่ 2 และวันที่ 3 ทำไมคุณพ่อไม่อยู่ เพราะต้องวิ่งเอกสารเหล่านี้แหละจ้า สิ่งที่สำคัญคือ เอกสารต้องครบค่ะไม่งั้นวิ่งไปวิ่งมาเหนื่อยเอาเรื่องอยู่เหมือนกันนะคะ
เดินเรื่องใช้สิทธิ์ประกันสังคมกรณีคลอดบุตร
และสงเคราะห์บุตร
สำหรับท่านใดที่ยังไม่ตั้งครรภ์ และยังไม่เคยจ่ายเกี่ยวกับประกันสังคม แนะนำควรวางแผนแต่เนิ้นๆ และเดินเรื่องจ่ายเงินเข้าประกันสังคมเพื่อรับสิทธิ์ต่างๆ ช่วงคลอดบุตรไว้ก่อนก็จะดี เพราะจะช่วยเราเรื่องเงินค่าคลอด และค่าสงเคราะห์บุตรได้เยอะมากๆมาถึงตอนนี้อ้อมมีสูติบัตรลูกแล้ว ลูกมีชื่อในทะเบียนบ้านแล้ว ต่อไปก็จะเป็นการยื่นขอใช้สิทธิ์ประกันสังคมกันจ้า
อ้อมคลอดลูกที่โรงพยาบาลสวนดอก เชียงใหม่จ้า ตอนที่ 2 |
การเดินเรื่องคุณพ่อสามารถทำแทนคุณแม่ได้นะคะ โดยจะต้องมีเอกสารจากทางประกันสังคม 2 อย่าง คือ
- แบบยื่นคำร้องขอใช้สิทธิ์ 2 ใบ แบ่งออกเป็นใช้สิทธิ์คลอดบุตร และสิทธิ์สงเคราะห์บุตร
- และเอกสารใบมอบอำนาจเพื่อให้คุณพ่อไปใช้สิทธิ์แทนคุณแม่ 1 ใบ
เอกสารทั้งสองใบจะได้มาจากสำนักงานประกันสังคมจ้า ไม่แน่ใจว่าในเน็ตฯจะมีให้โหลดและปริ้นออกมาหรือเปล่า ถ้าไม่มีก็ต้องเดินทางไปเอาที่ประกันสังคม แล้วกลับมาให้คุณแม่เซ็นต์ชื่อทั้ง 3 ใบนะคะ เพราะจะมีเอกสารบางอย่างที่ต้องให้บัญชีตรวจสอบก่อนการจ่ายเงินจ้า
หลังจากกรอกเอกสารสิทธิ์ทั้ง 3 ใบเสร็จ ก็ให้คุณพ่อนำไปยื่นที่ประกันสังคมพร้อมเอกสารที่เป็นใบสูติบัตรของลูก จริงๆ เตรียมไปให้หมดเลยก็ได้คะ ทั้งสำเนาบัตร ทั้งของคุณพ่อ-คุณแม่ และสำเนาทะเบียนบ้านที่มีชื่อลูกอยู่
หลังจากที่ยื่นเสร็จเจ้าหน้าที่เขาจะทำเรื่องให้ และเราจะได้เงินเกี่ยวกับการคลอดบุตรในวันนั้นเลย ส่วนเงินสงเคราะห์บุตรถ้ากรณีเราส่งประกันสังคมเองเราก็จะได้ในวันนั้นเช่นเดียวกันจ้า เขาจะรวบยอดให้เลย โดยจะสั่งจ่ายเป็นเช็คให้ค่ะ คนที่เบิกได้คือคุณแม่นะคะ
เพียงเท่านี้เราก็จะได้เงินค่าโรงพยาบาลแล้วจ้า สำหรับใครที่กำลังคิดหนักเรื่องค่ารักษาพยาบาลอยู่ หายห่วงได้เลยค่ะ งานนี้ครอบคลุมแน่นอนจ้า สำหรับระยะเวลาการเดินเอกสารเกี่ยวกับประกันสังคม ถ้าเอกสารครบ เขียนใบยื่นคำร้องไม่ผิด ก็วันเดียวเสร็จจ้า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น